Update on the Treatment Navigation for Functional Cure of Chronic Hepatitis B: Expert Consensus 2.0

Update on the Treatment Navigation for Functional Cure of Chronic Hepatitis B: Expert Consensus 2.0

Published in Clinical and Molecular Hepatology, January 21, 2025

1. คำนิยามและเป้าหมายของการรักษา hepatitis B virus (HBV)

Consensus Statement 1
เป้าหมายสูงสุดของการรักษา HBV คือ Functional Cure ซึ่งหมายถึง HBsAg loss และตรวจไม่พบ HBV DNA ในซีรัม ภายใน 24 สัปดาห์หลังจากหยุดการรักษาด้วยยาต้านไวรัส

2. อุปสรรคสำคัญของการรักษาให้หายขาด

Consensus Statement 2
ความท้าทายหลักของการรักษา HBV ให้หายขาด ได้แก่
1
ขาดยาที่สามารถกำจัด cccDNA และ integrated HBV DNA ได้อย่างสมบูรณ์

2 ภูมิคุ้มกันของร่างกายยังไม่สามารถกำจัดไวรัสได้เอง

Consensus Statement 3
การเพิ่มโอกาสของ functional cure คือการใช้ ยาต้านไวรัสร่วมกับยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน

  • NAs (เช่น Tenofovir, Entecavir) กดการแบ่งตัวของไวรัส
  • Peg-IFN ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ตอบสนองต่อไวรัส HBV ได้ดีขึ้น

3. กลยุทธ์การรักษาด้วย Peg-IFN และ NAs

Consensus Statement 4
สำหรับผู้ป่วยที่ยังตรวจพบ HBV DNA การใช้ NAs + Peg-IFN มีแนวโน้มให้ผลดีกว่าการใช้ NAs เพียงอย่างเดียว ในแง่ของการลดระดับ HBsAg

Consensus Statement 5
สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับ NAs และตรวจไม่พบ HBV DNA เพื่อเพิ่มโอกาสการเกิด functional cure

  • ควรใช้กลยุทธ์ Add-on Peg-IFN แทน Switch-to Peg-IFN
  • Add-on Peg-IFN ให้ผลการลด HBsAg ใกล้เคียงกับ Switch-to Peg-IFN แต่มีโอกาสเกิดการกลับเป็นซ้ำต่ำกว่า โดยเฉพาะในผู้ป่วย HBeAg-positive

4. การนำแนวทาง Baseline-Guided Therapy และ Response-Guided Therapy มาใช้

Consensus Statement 6
การวางแผนการรักษาควรใช้ Baseline-Guided Therapy (BGT) และ Response-Guided Therapy (RGT) โดยใช้ค่าการลดลงของ HBsAg ในการตัดสินใจ

Consensus Statement 7
ปัจจัยที่สามารถทำนายโอกาสของ Functional Cure ได้แก่

  • ค่า HBsAg น้อยกว่า 1,500 IU/mL ก่อนเริ่ม Peg-IFN
  • HbeAg loss ระหว่างการรักษาด้วย NAs
  • HBsAg ลดลงเร็วในช่วงต้นของการรักษา

Consensus Statement 8
ผู้ป่วยที่มีระดับ HBsAg ≥ 200 IU/mL หรือ HBsAg ลดลงน้อยกว่า 1 log10 IU/mL หลังจากใช้ Peg-IFN 24 สัปดาห์ มีโอกาสน้อยมากที่จะมี Functional Cure ควรพิจารณาหยุด Peg-IFN และปรับแนวทางการรักษา

Consensus Statement 9
ในกรณีที่ HBsAg หายไปแต่ไม่มีการสร้าง HBsAb อาจต้องให้ Peg-IFN ต่ออีก 12 สัปดาห์ หรือพิจารณาให้ วัคซีน Hepatitis B เพื่อกระตุ้นการสร้าง HBsAb

5. การหยุดยา NAs ในผู้ป่วยที่ได้รับการกดไวรัสนานแล้ว

Consensus Statement 10
ผู้ป่วยที่ได้รับ NAs เป็นเวลานานและมีระดับ HBsAg < 100 IU/mL อาจพิจารณาหยุดยาได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ไม่มีภาวะตับแข็งแต่ต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด

6. ข้อควรระวังและกลุ่มพิเศษ

Consensus Statement 11
ผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มพิเศษ เช่น เด็ก, ผู้ป่วยที่มีโรคร่วม, ผู้ป่วยที่มี MASLD, HCC, หรือไตเสื่อม ควรมีการปรึกษาเกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของ Peg-IFN-based Therapy

Consensus Statement 12
ข้อห้ามในการใช้ Peg-IFN ได้แก่
ผู้ป่วยตับแข็งระยะลุกลาม (Decompensated Cirrhosis)
ผู้ป่วยตั้งครรภ์
มีโรคทางจิตเวชที่รุนแรง
เคยมีความคิดฆ่าตัวตาย
มีโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง (Autoimmune Disease)

7. การติดตามผลและแนวทางระยะยาว

Consensus Statement 13
ก่อนเริ่มการรักษา ต้องมีการตรวจประเมินอย่างครบถ้วน และติดตามเป็นระยะเพื่อตรวจผลข้างเคียงและประสิทธิภาพของยา

https://doi.org/10.3350/cmh.2024.0780

   

Share This: